คดียาเสพติด ฐานครอบครองเพื่อจำหน่ายที่เป็นทนายความทำคดีเองตั้งแต่สืบพยานในศาลชั้นต้นโดยเป็นทนายจำเลยทั้งสองเรื่องนึง โจทก์คือพนักงานอัยการ สืบพยานโจทก์สี่ปาก คือ ตำรวจชุดจับกุมสอง พนักงานสอบสวนสองปาก เนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน
พยานจำเลยสี่ปาก จำเลยสองคนอ้างตัวเองเป็นพยาน และมีพยานเป็นบุคคลภายนอกที่เข้ามามีส่วนรู้เห็นเหตุการณ์ในบางส่วน อีกสองปากคดีนี้พิเศษคือ เป็นญาติของทนายเองเลย แล้วอาจจะมีการ”จัดฉาก ยัดยา” ตามที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดวินิจฉัยมา
เนื่องจากคดีนี้ ต่อสู้กันในศาลชั้นต้นจบเวลา หกโมงเย็น ทั้ง สองวัน สืบพยานโจทก์ หนึ่งวัน สืบพยานจำเลย หนึ่ง วัน เนื่องจาก “ไม่ใช่เรื่องจริง” พยานโจทก์รับศึกหนัก โดยทนายจำเลยทั้งสองไล่ต้อน โดยมีน้องทนายผู้ชายีกคนนึง ค่อยไล่ถามปิดคำถาม และแถลงการณ์ปิดคดียาวเหยียด
ด้วยทนายจำเลยทั้งสอง”ดีกรีนำหน้า” ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษซะสามสิบเก้าหน้า จำคุกหกปี ปรับห้าแสนบาท ทนายจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษา “ยกฟ้องโจทก์” ด้วยเหตุพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัย ยกประโยชน์แห่งสงสัยให้จำเลยทั้งสอง น้ำตาแห่งความดีใจท่วมศาลในวันตัดสินคดี
ประเด็นคือ พนักงานอัยการโจทก์ไม่พอใจคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องขออนุญาตฎีกา พร้อมฏีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดที่ยกฟ้อง ทนายจำเลยทั้งสองก็ต้องแก้ฎีกาเพื่อให้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ตอนนี้ส่งแก้ฎีกาไปเรียบร้อย รอผลที่ศาลฎีกาจะอนุญาตให้โจทก์์ฎีกาหรือไม่ ถ้าศาลฎีกาไม่อนุญาตให้โจทก์ฎีกา คดีจบ แต่ถ้าศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไปว่าจะรับฟังตามศาลชั้นต้นหรือรับฟังตามศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด. ที่สำคัญ ..อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่ว่าจะเสพหรือจำหน่าย เพราะสุดท้าย ถ้าพลาด คุกๆๆๆๆๆๆ สถานเดียว เด๋วเรื่องนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาอย่างไร จะนำเสนอต่อ..จร้า…555
Facebook Comments